สำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ หลังเจ้าชายแฮรี่-เมแกน ออกจากราชวงศ์

สำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ หลังเจ้าชายแฮรี่-เมแกน ออกจากราชวงศ์

จากกรณีที่ เจ้าชายแฮรี่ ดยุคแห่งซัสเซกซ์ และดัชเชส เมแกน พระชายาชาวอเมริกัน ทรงออกแถลงการณ์ตัดสินใจที่จะออกจากสถานะของราชวงศ์อังกฤษ และจะทรงหาเงินเลี้ยงชีพด้วยพระองค์เอง โดยไม่พึ่งพากองทุนของราชสำนัก แต่จะยังคงทำงานสนับสนุนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อย่างเต็มที่ต่อไป

ต่อมาสำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ว่า 

การหารือกับดยุก และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ยังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้น เราเข้าใจถึงความประสงค์ที่พระองค์จะทรงเปลี่ยนเส้นทาง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นที่ซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการดำเนินการ แหล่งข่าวเผยว่า เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนตัดสินใจ ถึงเรื่องดังกล่าว ระหว่างประทับพักผ่อนช่วงปีใหม่ที่ประเทศแคนาดา ซึ่งทั้งสองพระองค์ถูกตำหนิอย่างหนัก หลังไม่เข้าร่วมธรรมเนียมปฏิบัติฉลองวันคริสต์มาส พร้อมหน้าพระบรมวงศานุวงศ์ที่พระตำหนักซานดริงแฮม

มีรายงานว่า สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ทรงไม่พอพระทัยต่อกรณีดังกล่าว ที่ทั้งสองพระองค์ออกมาแถลงผ่านอินสตาแกรม นอกจากนี้เจ้าชายแฮรี่ และเมแกน ไม่เคยนำความคิดนี้ไปปรึกษากับสมาชิกราชวงศ์คนใด แม้กระทั่งสมเด็จพระราชินี และ เจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาของเจ้าชายแฮรี่ พระราชสำนักบัคกิงแฮมรู้สึกผิดหวังมาก และสมาชิกราชวงศ์คนอื่นก็รู้สึกเสียใจเช่นกัน

จากกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งสังหาร สั่งสังหาร พลตรี ซูลีมานี วัย 62 ปี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ สังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Revolutionary Guard Corps) เมื่อวันที่ 3 มกราคม นำไปสู่การตอบโต้ด้วยการที่อิหร่านยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพสหรัฐอเมริกาสองแห่งในอิรัก เกือบสิบลูกเมื่อวานนี้ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะบานปลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ หรือเป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้

ล่าสุดคืนวานนี้ตามเวลาประเทศไทย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ออกแถลงที่ทำเนียบขาว สรุปได้ดังนี้

1.การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านใส่ฐานทัพสหรัฐในอิรัก 2 แห่ง ไม่มีทหารหรือพลเรือนเสียชีวิต

2.แม้่ว่าสหรัฐจะมีแสนยานุภาพทางการทหารเหนือว่า แต่สหรัฐไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรงทางทหาร จะใช้มาตรการคว่ำบาตรอิรัก

3.ไม่ยอมให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง

4.ทรัมป์พูดถึงความพยายามในการแสวงหาสันติภาพ ไม่ให้เกิดสงครามขึ้นระหว่างสหรัฐและอิหร่าน สหรัฐต้องการความสงบ

5.อิหร่านควรจับมือกับสหรัฐเมื่อจัดการศัตรูที่แท้จริงคือ กลุ่ม ISIS

อูฐ 10,000 ตัว เสี่ยงถูกฆ่าในออสเตรเลีย เหตุดื่มน้ำในธรรมชาติจนแห้ง

ฆ่าอูฐในออสเตรเลีย– มีรายงานที่น่าตกใจมาว่า อูฐจำนวน 10,000 ตัว ในภูมิภาคที่แห้งแล้งของประเทศออสเตรเลีย อาจเสี่ยงถูกกำจัดได้ หลังจากที่มีการร้องเรียนว่า อูฐกำลังเป็นอันตรายต่อชาวบ้าน เนื่องจากมันบุกรุกเข้ามายังบ้านเรือน เพื่อหาแหล่งน้ำ เนื่องจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ

ทางออสเตรเลียได้เตรียมส่งนักล่ามืออาชีพเพื่อทำการฆ่าอฐ และเจ้าหน้าที่ก็ได้อนุมัติแล้ว ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันพุธที่ 8 มกราคม คาดว่าจะใช้เวลา 5 วัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อจะควบคุมประชากรอูฐ เนื่องจากออสเตรเลียมีจำนวนอูฐอยู่ในประเทศมากถึง 1 ล้านตัว ทางองค์กร National Feral Camel Management Plan กล่าวว่าถ้าไม่มีแผนควบคุมประชากร อูฐจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในเวลา 9 ปี

ในพื้นที่ Anangu Pitjantjatjara Yankunytjatjara (APY) ซึ่งเป็นที่อยู่ของชุมชนชาวอะบอริจิน จัดเป็นหนึ่งในพื้นที่แห้งแล้งมาก แต่จำนวนอูฐจรจัดนั้นมีมาก และพวกมันก็กระหายน้ำ เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดเพิ่มขึ้น มาริตา เบเกอร์ หนึ่งในสมาชิกบริหารของ APY ชี้ว่า ชุมชนของเธอต้องเจอกับเหล่าอูฐจำนวนมาก เข้ามาอย่างท่วมท้นทำให้คนในชุมชนต้องติดอยู่กับสภาพที่ร้อน เหม็นอับ และน่าอึดอัด เนื่องจากอูฐบุกเข้ามาในบ้าน พังรั้วจนเสียหาย และพยายามจะเข้ามาหาน้ำจากเครื่องปรับอากาศ

ก่อนหน้านี้ ทางการออสเตรเลียเคยออกนโยบายควบคุมประชากรอูฐมาแล้ว โดยโทษว่าอูฐคือสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 1 ตัน ในช่วงเวลา 1 ปี เทียบเท่ากับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากรถยนต์ 400,000 คัน

ไวรัสใหม่นี้ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับไวรัสซูลีนและไวรัสแทมดี ซึ่งพบในโรมาเนียและอุซเบกิสถานตามลำดับ ทั้งนี้ มีรายงานว่าไวรัสแทมดีเป็นต้นตอของภาวะไข้เฉียบพลันในจีนในช่วงหม่กี่ปีที่ผ่านมา จากรายงานการวิจัยที่เผยแพร่ในปี 2020

ผู้ป่วยไวรัส “เยโซ” อาจมีไข้สูงถึง 39 องศาเซลเซียส และลดจำนวนเกล็ดเลือดและเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งมีหน้าที่ในการเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค เพื่อป้องกันร่างกายให้ปลอดภัยจากจุลชีพก่อโรค อย่างเช่นแบคทีเรียและไวรัส

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า